12 January, 2009

1 ปีกับลินุกซ์

อันที่จริงก็ไม่ใช่ 1 ปีเป๊ะๆหรอก เพราะถ้านับตั้งแต่วันแรกที่เริ่มใช้ลินุกซ์จริงจังก็ต้องเริ่มนับวันที่ 29 ธันวาคม 2007 หรือถ้าจะนับตั้งแต่ลงครั้งแรกก็ต้องเป็นเดือนมิถุนายน 2007 (จำวันไม่ได้แฮะ)

ลินุกซ์ตัวแรกที่ได้สัมผัสด้วยตนเองก็คือ Ubuntu 7.04 Feisty Fawn ตอนนั้นจำได้ว่าตื่นเต้นมาก ลงปุ๊บ ใช้ได้ปั๊บ ไม่ต้องลงไดรเวอร์ ไม่ต้องลงโปรแกรมสารพัด หน้าตาก็สวยงาม แต่สุดท้ายเล่นได้แค่ 1 คืนก็ยอมแพ้เพราะไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆ จะถามใครก็ไม่ได้ แถมบ้านก็ยังไม่มีอินเตอร์เน็ตอีกต่างหาก

หลังจากนั้นก็คิดถึงและหาข้อมูลเกี่ยวกับลินุกซ์มาตลอด แต่เข็ดไม่กล้าลงบวกกับขี้เกียจด้วย แถมกำลังอยู่ในช่วงเห่อ MacBook อยู่ (ใช้เงินทุนซื้อเอา) มาลองเสี่ยงดูอีกทีก็ช่วงหยุดปีใหม่ ถ้าจำไม่ผิดก็เป็นวันที่ 29 ธันวาคม คราวนี้ลอง Ubuntu 7.10 Gutsy Gibbon ลงเสร็จก็แบกโน้ตบุ๊คเครื่องเก่า Toshiba M70 ไปที่คณะฯ (คณะวิทยาศาสตร์ มหิดล พญาไท) เพื่อเอาไปต่อ Wi-fi ที่นั่น (ที่บ้านยังคงไม่มีอินเตอร์เน็ต...อนาถาจริงๆ) คราวนี้เริ่มมีประสบการณ์ ลองเล่น ลองลงโปรแกรมไปเรื่อยๆ มั่วจนเจ๊งไปไม่รู้กี่รอบ แต่ทุกครั้งที่ลงใหม่ก็มีความรู้เกี่ยวกับพาร์ติชันและระบบของลินุกซ์มากขึ้น ไม่ได้เสียเวลาเปล่า

ผ่านไปประมาณ 1 เดือน ในที่สุดก็เริ่มใช้เป็นแล้ว และก็สมัครสมาชิก ubuntuclub.com ด้วย คราวนี้ก็ไล่ลอง distro กับเครื่อง Desktop ที่บ้าน (โน้ตบุ๊คไม่กล้าลองอะไรมากเพราะต้องใช้ทำงาน) เริ่มเอาจากพวกที่เป็น Ubuntu-based ก่อน เช่น LinuxMint, LinuxTLE, Kubuntu, Suriyan แล้วก็เริ่มเล่นตัวอื่นๆ ที่พอนึกออกก็มี PCLinuxOS, Puppy Linux, Slax, Mandriva, DreamLinux, Fedora เป็นต้น
ช่วงปลายปีนี้เอง เดือนตุลาคม 2008 ในที่สุด ก็อ้อนจนได้ติด adsl internet ที่บ้าน เป็น hi-speed internet 2 Mb ของทรู คราวนี้แหละสวรรค์ ไม่ลอง distro อะไรแล้ว คิดว่า Ubuntu นี่แหละโดนใจที่สุดแล้วในตอนนี้ (อนาคตไม่แน่...อิอิ) สรุปตอนนี้เครื่อง Desktop ก็เป็น Ubuntu 8.10 Intrepid Ibex ส่วนโน้ตบุ๊คเป็น Ubuntu 8.04 Hardy Heron กะว่าไว้ Ubuntu 9.04 Jaunty Jackalope ออกเมื่อไหร่ จะลงใหม่ทั้งสองเครื่องเลยทีเดียว

MacBook ตอนนี้ก็ตกกระป๋อง แทบจะถูกตัดขาดจากกองมรดก ยกเว้นทำสัมนา ยังไงก็ต้อง Keynote (รับไม่ได้กับ OpenOffice.org จริงๆ)

ประเดิมเรื่องแรก: การเป็น TA ครั้งแรก

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ไปเป็นผู้ช่วยสอนให้อาจารย์ John วิชา Ecology ที่ศาลายา ไปตั้งแต่เช้ากว่าจะกลับถึงหอก็เกือบสามทุ่ม เพิ่งเข้าใจวันนี้เองว่าการเป็นอาจารย์มันเหนื่อยสาหัสขนาดไหน (แถมนี่ทำฟรี ไม่ได้เงินอีกต่างหาก) ดีหน่อยนะที่เด็กภาคชีววิทยาปีนี้น่ารัก....ความน่ารักที่ว่าหมายถึง
  1. ส่วนใหญ่เก่งกันมาก ไม่ค่อยถามอะไรกันเลย สงสัยว่าจะรู้ทุกเรื่องแล้ว แต่พออาจารย์ถามก็แทบจะไม่มีใครตอบเลย สรุปว่าเก่งหรือไม่เก่งกันแน่เนี่ย (เด็กไทยเป็นอย่างนี้ 90%) แต่ก็มีที่กล้าถามกล้าตอบบ้างนะ ไม่ใช่ว่าไม่มีเลย ขอชมเชยไว้ ณ ที่นี้
  2. ตรงต่อเวลากันดีจริงๆ อาจารย์นัด 8 โมงเช้า ส่วนใหญมากันเร็ว แต่กว่าจะรวมตัวกันครบก็เกือบ 8 โมงครึ่ง เพราะพวกที่มาก่อนก็ไปกินข้าว ไม่ก็นั่งคุยนั่งเล่นกันอยู่ใต้ตึก (แหม ทีตอนตัวเองเป็นนักศึกษา สายทุเรศกว่านี้อีก สายแค่ครึ่งชั่วโมงนี่ก็มาตรฐานคนไทยแล้ว)
  3. ทำงานเร็วมาก งานใน field ที่ตอนแรกกะว่าต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมง เอาเข้าจริงแค่ครึ่งชั่วโมงก็เสร็จแล้ว แต่ทำไมงานในแล็บกลับล่อไปซะ 4-5 ชั่วโมง อันนี้ไม่เข้าใจจริงๆ
  4. รับผิดชอบต่องานดี ตอนบ่ายก็อยู่กันเกือบครบ มีสูญหายไปบ้างบางคน อันนี้เรื่องปกติ
สรุปว่า งานนี้เหนื่อย แต่ก็สนุกดี คำถาม-ตอบของนักศึกษา ป.ตรี ก็เล่นเอาอึ้งเหมือนกัน