20 August, 2009

ความเห็นต่อบทความ: ความเข้าใจแบบโง่ๆ ของเสื้อแดงลำปาง...

ผมขอยกตัวอย่างบทความมาบางส่วน ถ้าจะ(ยังอยาก)อ่านเต็มๆก็ไปที่ ความเข้าใจแบบโง่ๆ ของเสื้อแดงลำปาง ต่อกรณีหมอเบญจวรรณ

----------------------------------------------------
ต้นเหตุของเรื่องที่ทำให้เกิดเรื่องไม่เป็นเรื่องก็คือ คนเสื้อแดงที่ชื่อ นางศศิรส ผาสมุทร อายุ 33 ปี ราษฏรเสื้อแดงชาว อ.งาว จ.ลำปาง พาแม่ที่ชื่อนางยอด ศรีนวล เข้าไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเนื่องจากปวดศรีษะ และต้องการขอใบส่งตัวเพื่อไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลศูนย์ลำปาง แต่คนเสื้อแดงอ้างว่า ถูกแพทย์หญิงเบญจวรรณ ไม้รอด ต่อว่า เนื่องจากสวมเสื้อ “ความจริงวันนี้” มาที่โรงพยาบาลและไม่ยอมตรวจพร้อมเขียนในสมุดตรวจว่าทำใจไม่ได้ที่จะตรวจคน ที่ใส่เสื้อทักษิณ

ขณะที่ทางแพทย์หญิงคนดังกล่าวก็บอกว่า นางศศิรส เป็นคนไข้เก่าของเธอเอง และเธอก็ได้ทำการรักษาจนหายแล้ว ปัจจุบันก็ยังคงมาใช้บริการนวดตัวที่โรงพยาบาลเป็นประจำเนื่องจากนางยอดป่วย เป็นโรคเกี่ยวกับกระดูก ในวันเกิดเหตุก่อนที่จะเซ็นโอนผู้ป่วยให้กับหมอที่ชำนาญด้านกระดูกดูแลต่อ เธอแค่ถามว่า “ทำไม่ถึงใส่เสื้อสีแดงมาสถานที่ราชการ” ซึ่งเธอยอมรับว่าพูดจริง

แต่ ที่พูดเนื่องจากไม่ต้องการให้เกิดปัญหาขึ้นในโรงพยาบาล เนื่องจากในพื้นที่อำเภองาว มีการแบ่งสีเสื้อกันอย่างชัดเจนและค่อนข้างรุนแรงแม้แต่ในโรงพยาบาลเองก็ตาม

เมื่อเห็นนางศศิรส ใส่เสื้อสีแดงซึ่งเป็นการประกาศตนเองชัดเจนเข้ามาในโรงพยาบาล จึงได้บอกอย่างอธิบายให้เข้าใจว่า “ทำไม ใส่เสื้อสีแดงเข้ามาไม่สมควรที่จะใส่เสื้อสีใดๆ ก็ตามที่มีความขัดแย้งเข้ามาในสถานที่แบบนี้ เนื่องจากสังคมในเวลานี้กำลังมีความขัดแย้ง และสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ราชการด้วย เพราะอาจจะทำให้เกิดปัญหาขึ้นมาได้เท่านั้น”

แค่ตำหนิ ... แต่หมอก็ไม่ปฏิเสธที่รับคนไข้ ดีเสียอีกที่หมอส่งต่อไปให้หมอออโธฯ อีกคน เพื่อให้รักษาอาการโรคกระดูกเฉพาะทาง

ไม่อย่างนั้น แม่เสื้อแดงกระดูกพังไปแล้วครับ

คุณ คิดว่า ด้วยวิจารณญาณของคุณหมอที่เพียงแค่ถาม แต่คนที่พาคนไข้กลับกล่าวหาหมอ แรกๆ ก็พอฟังขึ้นอยู่หรอก แต่พอได้ยินฝ่ายเสื้อแดงพูดว่า หมอเขียนในสมุดตรวจว่าทำใจไม่ได้ที่จะตรวจคนที่ใส่เสื้อทักษิณ ผมถึงเลิกเชื่อสิ่งที่เสื้อแดงพูดเพราะอย่างที่กล่าวมาข้างต้น

คือ ใส่ไข่เกินจริงซะไม่อยากจะเชื่อ แถมยังส่อสันดานถึงสติปัญญาของคนเสื้อแดง ที่ชอบเชื่ออะไรแบบโง่ๆ ตรรกะเดียวกับกราบไหว้เจลลดไข้ขอหวย หรือขูดต้นกล้วยแตกหน่อเพื่อขอเลขเด็ดนั่นแหละ

ถ้าเป็นเช่น นั้น เสื้อแดงลำปาง เจ้าของวีรกรรมปาไข่ใส่ชวน หลีกภัย แน่จริงเอาสมุดที่ว่ามาเทียบลายมือกันดีกว่า ถ้าลายมือไม่เหมือน พวกเสื้อแดงลำปางหน้าโง่ๆ จะออกมากราบเท้าคุณหมอในความโง่บรมเซ่อแบบนี้หรือไม่ เอาแค่ออกสื่อขอโทษผมคิดว่าคงไม่มี อย่างดีก็มุดรูหนี เลิกพูดเรื่องนี้เสียให้จบๆ แต่คุณหมอเสียหายยับเยินไปแล้ว
----------------------------------------------------

ผมว่าบทความนี่แหละครับคือความเข้าใจโง่ๆต่อกรณีนี้อย่างแท้จริง

กรณีที่แพทย์คนหนึ่งแสดงออกไม่ว่าจะเป็นด้วยการกระทำหรือวาจาว่าจงใจเลือกปฏิบัติต่อคนไข้ ก็คือการผิดจรรยาบรรณของแพทย์อย่างแน่นอนแล้ว การย้ายออกจากพื้นที่และให้ออกมาขอโทษเป็นการลงโทษที่สมเหตุสมผลที่สุดแล้ว

หมอไม่มีสิทธิ์จะไปตำหนิคนที่เข้ารับบริการทางการแพทย์ไม่ว่าเขาจะใส่เสื้อแดงเสื้อเหลืองหรือสีอะไรก็ตาม เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนบุคคลซึ่งไม่เกี่ยวกับการรักษาแต่อย่างใด

จะมาอ้างว่าไม่อยากมีปัญหาเรื่องการเมืองนั้นเป็นการอ้างด้วยตรรกะที่ห่วยแตกสุดๆ ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับการเมืองแต่กลับไปตำหนิคนไข้และญาติในเรื่องที่เป็นการเมืองโดย ทั้งๆที่บุคคลเหล่านั้นยังไม่ได้ทำอะไรที่เป็นกิจกรรมทางการเมืองในโรงพยาบาลด้วยซ้ำ การใส่เสื้อสีใดไปยังที่ใดเป็นเรื่องที่ทุกคนทำได้โดยชอบธรรมตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญอยู่แล้วในเรื่องสิทธิและเสรีภาพในการเดินทางภายในราชอาณาจักร

แล้วคำพูดที่ว่า "ไม่อย่างนั้น แม่เสื้อแดงกระดูกพังไปแล้วครับ" นี่ก็แสดงถึงอคติของเจ้าของบทความอย่างชัดเจน คนไข้คือผู้เข้ารับบริการทางการแพทย์ ไม่ได้เป็นหนี้บุญคุณหมอ หมอก็ไม่ได้มีบุญคุณต่อคนไข้ เนื่องจากเป็นการกระทำตามหน้าที่อันพึงทำตามวิชาชีพ นี่คือสัมพันธ์ทางสังคมแบบทุติยภูมิ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกันเลยในเรื่องที่จะยกเอาบุญคุณมาลำเลิก ถ้าหมอกับคนไข้รู้จักกันส่วนตัวและได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกันในเรื่องที่ไม่ใช่การกระทำตามหน้าที่ก็ว่าไปอย่าง

อีกอย่างคือเรื่องข้อความในกระดาษโน้ตนั้น ผู้เขียนทราบได้อย่างไรว่าเป็นของปลอม มีรายงานแล้วหรือว่าลายมือในโน้ตนั้นไม่ใช่ของหมอ หรือว่าเจ้าของบทความฝันไปแล้วมีพระอินทร์เข้าฝันมาบอก ถึงได้มาท้าเหยงๆให้เสื้อแดงไปกราบตีนหมอ

ถ้ามีพิสูจน์ว่าเป็นของจริงหละ เจ้าของบทความจะไปกราบตีนขอขมาคนเสื้อแดงหรือไม่ ที่เขียนบทความชุ่ยๆเช่นนี้ขึ้นมา

17 August, 2009

FW Mail ปลอมแปลงพระราชกระแสรับสั่ง

ข้อความข้างล่างนี้เป็น Forward mail ที่ผมได้รับจากคนรู้จักท่านหนึ่ง ผมเห็นว่ามีการนำเสนอข้อความอันไม่เหมาะสม ล่วงเกินพระยุคลบาทของพระมหากษัตริย์ไทยอย่างร้ายแรง

อ่านแล้วน่าใจหาย

เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่น้องที่ทำงานเล่าให้ฟัง

พอดีว่า.. คุณพ่อของน้องคนนี้รับราชการทหาร และได้เลื่อนรับตำแหน่งใหม่ไปประจำการที่อื่น ซึ่งมีโอกาสได้เข้าเฝ้าในหลวงเพื่อรับพระบรมราโชวาทรับตำแหน่งใหม่ ในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมานี้เอง อันเป็นช่วงที่บ้านเมืองกำลังเกิดเหตุการณ์วุ่นวาย มีจลาจลของกลุ่มคนเสื้อแดงในกรุงเทพฯ และตามต่างจังหวัดเลยอยากเล่าแบ่งปันให้ทุกคนรู้บ้าง ต้องขอโทษหากใช้คำราชาศัพท์ไม่ถูกต้องค่ะ

ข้าราชการที่มีโอกาสเข้าเฝ้าทูลละอองพระบาท ในครั้งนี้ ได้แก่ เหล่าข้าราชการทหารที่ได้รับการแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่ง เหล่าภริยาและบุตรธิดาของนายทหารเหล่านี้ และในนี้ก็มีคุณพ่อ และน้องคนนี้ที่เข้าเฝ้าฯ ด้วย
ทุกคนต่างเห็นเหมือนกันว่า ในหลวงท่านทรงมีพระพักตร์ที่เศร้าหมอง ทรงดำรัสน้อยมาก น้อยมากจริงๆ และน้ำเสียงของพระองค์ดูเศร้าเช่นกัน

สรุปจากพระราชดำรัส ต้องขอโทษด้วยสรุปเอาจากที่น้องเขาเล่าให้ฟังนะ

" ....ตอนนี้บ้านเมืองวุ่นวาย กำลังมีปัญหา ขอให้พวกท่านไปดูแลหัวเมืองอย่างสงบ ดูแลรักษาประชาชน อย่าทำร้ายประชาชน ประเทศไทยไม่ได้เป็นคอมมิวนิสต์ ทุกคนมีการศึกษา มีความคิดที่จะเลือกตัดสินใจทำอะไร จริงแล้วปัญหาเกิดขึ้นกับกษัตริย์หลายรัชสมัย แต่คงมีรัชกาลของเราที่ดูจะร้ายแรงที่สุด เพราะประชาชนแตกแยกกัน คงจะหมดกษัตริย์ในรัชสมัยของเรา..."


น้องเขาบอกว่า ฟังแล้วอยากจะร้องไห้ แต่เห็นภริยานายทหารหลายท่านร้องไห้ด้วย ตอนนี้ทหารแบ่งเป็นสองกลุ่มหลักๆ กลุ่มหนึ่งยังจงรักภักดีต่อในหลวง และอีกกลุ่มเป็นพวกทหารญาติคนหนีคุกค่ะ


ดูจากสำนวนเนื้อหาโดยเฉพาะเนื้อความที่อ้างว่าเป็นพระราชกระแสรับสั่งแล้ว ผมมั่นใจในระดับหนึ่งเลยว่า ทั้งหมดเป็นการปลอมแปลง(หรืออาจจะดัดแปลง)พระราชกระแสรับสั่งโดยมีจุดประสงค์แอบแฝงและใช้สถาบันพระมหากษัตริย์มาแอบอ้างเป็นเครื่องมือ เป็นการดึงฟ้าลงต่ำอย่างจงใจ

อ่านแล้วผมใจหายเหมือนกัน แต่คนละแบบนะ ถ้ามีคนเชื่อข้อความแบบนี้เข้าไปได้ "ดูแลหัวเมือง" "คอมมิวนิสต์ = ไม่มีการศึกษา" ผมอ่านแล้วหัวเราะจนแทบจะสำลักข้าว ดูเหมือนว่าผู้เขียนน่าจะหลุดมาจากสมัยอยุธยาแล้วก็นั่ง Time Machine ต่อไปรบกับกองทัพคอมมิวนิสต์มา

ยิ่งประโยคที่ว่า "คงจะหมดกษัตริย์ในรัชสมัยของเรา" อันนี้ทำให้ผมมั่นใจยิ่งขึ้นไปอีกคนแต่งไม่ได้ประสงค์ดีและมีความจงรักภักดีต่อสถาบันฯแน่ๆ

แล้วประเด็นที่อ้างว่าคนต้นเรื่องเป็นลูกทหารก็เลยได้เข้าเฝ้าฯ ผมว่ามันทะแม่งๆอย่างไรก็ไม่รู้ หากท่านใดมีความรู้เรื่องระเบียบพิธีการ ผมขอให้ช่วยชี้แจงด้วย

ขอให้คนที่ได้รับ Forward Mail ลักษณะนี้ช่วยกันแฉความระยำของคนต้นคิดกันต่อๆไปด้วย อย่าให้มันใช้พระเกียรติของในหลวงมาเป็นเครื่องมือมอมเมาประชาชน

12 August, 2009

พระราชินีตรัสชื่นชม “ตี๋ ชิงชัย”


เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2552 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานพระราชวโรกาสให้ นายชิงชัย อุดมเจริญกิจ หรือ ตี๋ ชิงชัย ศิลปินผู้สูญเสียมือขวาจากเหตุการณ์ 7 ตุลาคม 2551 พร้อมภรรยาเข้าเฝ้าฯ เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายพระบรมสาทิสลักษณ์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ ที่นายชิงชัยวาดด้วยมือซ้าย ซึ่งพระองค์ทรงมีพระราชปฏิสันถารว่า “เก่งมาก”


“ตี๋ ชิงชัย” เป็นหนึ่งในศิลปินนักสู้ที่เข้าร่วมชุมนุมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเพื่อคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญและขับไล่รัฐบาลนอมินีระบอบทักษิณเมื่อปี 2551 ในเหตุการณ์ที่ตำรวจใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมบริเวณหน้ารัฐสภาและลานพระบรมรูปทรงม้า เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมนั้น “ตี๋ ชิงชัย” ถูกระเบิดแก๊สน้ำตาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจนมือข้างขวาที่เคยใช้วาดรูปขาด กระจุยและกล่องเสียงถูกทำลาย แต่มีตำรวจบางคนและสื่อมวลชนบางฉบับ ได้กล่าวหาใส่ร้ายนายชิงชัยว่ากำระเบิดมาเอง ทั้งที่ในความเป็นจริงสิ่งที่เขากำอยู่ในมือคือพวงกุญแจหนัง “ตี๋ ชิงชัย” จึงต้องพึ่งกระบวนการยุติธรรมด้วยการฟ้องร้องดำเนินคดีกับนายตำรวจและสื่อ ที่บิดเบือนข้อเท็จจริงในข้อหาหมิ่นประมาท จนนายตำรวจคนดังกล่าวและสื่อมวลชนฉบับนั้นยอมขอโทษ และซึ่งด้วยความใจกว้างของ “ตี๋ ชิงชัย” เขาจึงยอมถอนฟ้องในเวลาต่อมา และใช้เวลาไปกับการฝึกฝนการวาดภาพด้วยมือซ้าย ซึ่งในที่สุดก็ได้ผลงานที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้การวาดด้วยมือขวาแต่อย่างใด จนได้รับพระราชทานพระราชวโรกาสให้เข้าเฝ้าฯ เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายผลงานดังกล่าว

ที่มา ผู้จัดการออนไลน์