24 November, 2009

ร่วมไว้อาลัย ฯพณฯ สมัคร สุนทรเวช

วันนี้แวดวงการเมืองไทยได้สูญเสียนักการเมืองรุ่นใหญ่ผู้มากความสามารถไปอีกคน ผมเองทราบข่าวเศร้านี้จาก sms ของ ThaksinLive เป็นที่แรก เมื่อตอนประมาณสายๆ ของเช้าวันนี้ (24 พ.ย. 2552)

สารภาพตามตรง ผมเคยมีอคติกับวิธีการพูดแบบแรงๆ ของท่านสมัครเหมือนกัน ทั้งที่บางครั้งเรื่องที่ท่านต้องการนำเสนอ ผมก็ไม่อาจจะแย้งได้เลย เช่น เรื่องที่ให้สื่อมวลชนเลิกให้ท้ายพันธมิตรฯ ครั้งเมื่อพวกผู้ก่อการร้ายเหล่านี้ใช้กำลังเข้ายึดทำเนียบรัฐบาล (ตอนนั้นผมยังเป็นพวกกลางสองไม่เอา-ขาวไร้เดียงสาอยู่)

มาวันนี้นึกย้อนกลับไปถึงสถานการณ์ความวุ่นวายเมื่อปีที่แล้ว ผมต้องขอคารวะต่อความกล้าหาญของนักการเมืองอาวุโสผู้ปากร้ายใจดีคนนี้อย่างสุดหัวใจ และยิ่งรู้สึกเสียดายเมื่อการเมืองไทยต้องเสียนักการเมืองที่เป็นตัวของตัวเอง,แสดงออกอย่างตรงไปตรงมาเช่นท่านไป วันที่ประเทศอยู่ในความมืดมนทางการเมืองจากผลพวงของอำนาจมืดที่สนับสนุนรัฐประหาร 19 ก.ย. 49 นักการเมืองปลดเกษียณวัย 70 กว่าต้องกลับมาต่อสู้เป็นแนวหน้าของประชาชนเสียงส่วนมากอีกครั้ง ต้องทนกับแรงเสียดทานและคำครหาสารพัน ไม่ต้องพูดถึงแรงกดดันจากมือที่มองไม่เห็นผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลังม็อบมีเส้น

ทุกช่องทุกข่าวทุกสื่อที่รายงานเรื่องในวันนี้ คงมีแต่คำชม คำสรรเสริญ อดีตนายกฯ ของประเทศไทยคนที่ 25 คนนี้ แม้แต่คนที่เคยหาเรื่องท่าน ให้ร้ายท่าน ด่าทอเสียดสีท่าน ก็ยังต้องละความโกรธเกลียด เหลือไว้เพียงแต่ความอาลัย หากเรายังคงเชื่อว่า เกียรติสูงสุดของมนุษย์ มีอยู่ในชีวิตจริง คนที่แม้แต่ศัตรูยังสรรเสริญอย่าง น้าหมัก นี่แหละครับสมควรที่จะได้รับสิ่งนั้นแล้ว แม้ว่าท่านจะไม่มีโอกาสได้รับรู้ในขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่ก็ตาม

ด้วยความเสียใจต่อการจากไปของ ฯพณฯ สมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีคนที่ 25 ของประเทศไทย

05 November, 2009

ทำไมผมถึงเลือกข้าง "แดง"

คนที่อ่านโพสต์ที่ผมเขียนก่อนหน้านี้รวมทั้งคนที่รู้จักสนิทสนมกับผม คงรู้สึกได้ว่าความเห็นทางการเมืองที่ผมนำเสนอส่วนใหญ่จะเอียงๆ ไปในทางแนวคิดของกลุ่ม "เสื้อแดง" และต่อต้านแนวความคิดแบบ "เสื้อเหลือง" หรือ "พันธมิตรประชาชนเพื่อ (ล้มล้าง) ประชาธิปไตย"

ใช่ครับ ผมไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าผมสนับสนุนแนวคิดของเสื้อแดง ถึงในรายละเอียด ผมจะไม่เห็นด้วยกับกระแส "แดง" ไปเสียทุกๆ เรื่อง และจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่เคยไปร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดงเลยแม้แต่ครั้งเดียว (ผมขอไม่นับที่เคยไปยืนเชียร์ครั้งสองครั้งตอนที่มีการประท้วงบริเวณกระทรวงการต่างประเทศ เพราะไม่ได้เป็นการตั้งใจไป แต่บังเอิญมีการประท้วงใกล้ๆ กับที่เรียนของผม เลยอดใจไม่ไหวจนต้องลงมายืนดูแบบใกล้ชิดติดสนาม ก็แค่นั้น)

คำถามที่ผมมักจะได้รับจากคนรอบตัวคือ "ทำไมถึงหันมาสนใจการเมืองในช่วงนี้?" หรือให้ตรงกว่านั้นก็คือ "ทำไมถึงเชียร์เสื้อแดงออกหน้าออกตาขนาดนี้?" เป็นคำถามที่ผมเองก็แปลกใจจนต้องหันกลับมามองตัวเองว่าการหันมาสนใจการเมืองนี่ทำให้ผมเปลี่ยนไปจริงๆ หรือเปล่า แต่ก่อนผมดูเป็นพวก "สองไม่เอา" ที่นิ่งเฉยละเลยกับเรื่องข่าวคราวบ้านเมืองขนาดนั้นเลยหรือ

ไม่น่าจะขนาดนั้นมั้ง...