11 May, 2023

นิทานเด็กที่เมื่อก่อนคิดไม่ถึงว่ามันดาร์ก

เคยอ่านนิทานเด็ก (แปลจากภาษาฝรั่งเศส) เรื่องหนึ่ง ตอนเด็ก อ่านไปก็ไม่ได้คิดอะไร พอตอนนี้โตขึ้น นึกแล้วเนื้อเรื่องมันมืดมนมาก

เรื่องโดยคร่าวคือว่า...

มีเด็กหญิงหลงป่าและไปเจอบ้านน้อยหลังหนึ่ง ก็เลยเข้าไปพัก แอบกินอาหารและเผลอหลับไป พอตื่นขึ้นมา ก็พบว่าประตูหน้าต่างถูกล็อคสนิทหมด มีเพียงแสงแดดที่สาดส่องผ่านกระจกหน้าต่างเข้ามาได้ แสงแดดลำน้อยอันหนึ่งบอกกับเด็กหญิงว่าบ้านนี้เป็นของราชายักษ์ ราชายักษ์ตั้งใจจะขังเด็กหญิงไว้กระทั่งอายุครบ 16 ปีก็จะจับแต่งงาน เด็กหญิงตกใจกลัว ก็เลยขอให้แสงแดดช่วยพาหนี แสงแดดเลยบอกให้เด็กหญิงรอจนแสงสุดท้ายของวันพรุ่งนี้กำลังจะลับหายไป ตอนนั้นก็ให้กอดลำแสงเอาไว้

วันต่อมาเด็กหญิงทำตามคำแนะนำ และก็พบว่าตัวเองกลายเป็นแสงแดดน้อยๆ ลำหนึ่งที่วิ่งทะลุผ่านหน้าต่างออกมาจากบ้านนั้นได้ แสงแดดเจ้าเก่าก็นำทางพาเด็กหญิง(ที่เป็นลำแสงแดด)กลับไปที่ปราสาทของพระอาทิตย์ เด็กหญิงขอให้พระอาทิตย์คืนร่างเดิมให้เธอ แต่พระอาทิตย์ปฏิเสธและปลอบว่าเมื่อเด็กหญิงอายุครบ 16 ปี พระอาทิตย์จะแต่งงานให้เธอเป็นชายา ไม่ต้องกลับไปลำบากเป็นมนุษย์อีก
 
แม้ประสาทพระอาทิตย์จะสว่างสุกใส ไม่เหมือนบ้านราชายักษ์อันอับทึมที่เธอหนีรอดออกมาได้ แต่เด็กหญิงก็อยากกลับไปหาพ่อแม่บนโลกมากกว่าจะเป็นชายาพระอาทิตย์ เธอขอร้องแล้วขอเล่า พระอาทิตย์ก็ยืนกรานตามเดิม
ด้วยความจนใจ เด็กหญิงก็ยอมรับชะตากรรม ทุกวันเธอจะวิ่งลงมาบนโลกพร้อมๆ กับแสงแดดลำอื่นๆ ที่เสมือนเป็นเพื่อนพี่น้องของเธอไปแล้ว และจะอ้อยอิ่งเศร้าสร้อยกลับปราสาทพระอาทิตย์เป็นแสงสุดท้ายเสมอ ไม่นานเหล่าต้นไม้ดอกไม้ที่สังเกตเห็น ก็ถามจนรู้ความ และเสนอตัวจะช่วยเด็กหญิงโดยการให้เด็กหญิงซ่อนตัวอยู่ในหลุม ต้นไม้ทั้งหลายจะช่วยเอาดอกใบบังไว้ให้เธอไม่ต้องกลับไปปราสาทพระอาทิตย์ในตอนเย็น

เด็กหญิงซ่อนตัวตามคำชี้แนะอีกครั้ง วันรุ่งขึ้นเด็กหญิงก็เปลี่ยนร่างจากแสงแดดกลายเป็นดอกไม้ คราวนี้เศร้ากว่าเดิมอีก หนักกว่าถูกขังในบ้านราชายักษ์ด้วยซ้ำ แม้ต้นไม้ดอกไม้จะหวังดี อยากช่วยเธออย่างจริงใจ แต่มันไม่เข้าใจว่า สำหรับมนุษย์และสัตว์ที่เกิดมาชินกับการเดินไปไหนมาไหนโดยเสรี การกลายเป็นดอกไม้เท่ากับการสูญสิ้นอิสรภาพโดยสิ้นเชิง

นกทูแคนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด รู้ว่าเด็กหญิงต้องทุกข์แค่ไหน แต่มันก็ไม่กล้าจะมีเรื่องกับต้นไม้ใหญ่ที่มันยังต้องอาศัยพึ่งพิง มันจึงวางแผนช่วยเหลือเด็กหญิงอย่างลับๆ ทุกเช้ามันจะบินไปร้องเพลงที่บ้านของเด็กหญิง จนวันหนึ่งแม่ของเด็กหญิงเดินออกตามหาต้นเสียง นกทูแคนบินนำแม่มาที่ทุ่งดอกไม้ที่เด็กหญิงอยู่ แน่นอนว่าเด็กหญิงจำแม่ได้ เธอจึงพยายามยืดต้นตัวเองให้เด่นที่สุด ส่วนดอกไม้อื่นๆ นั้นละอายใจอยู่ลึกๆ จึงก้มหน้ามองดิน

แม่เห็นว่าดอกไม้ที่จริงๆแล้วเป็นเด็กหญิงสวยดี จึงถอนต้นขึ้นมาจากดิน และเอากลับไปที่บ้าน โดยที่ก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด แม่เห็นดอกไม้แล้วนึกถึงลูกสาวที่หายไปหลายวันก่อน ก็เลยเอานมให้ดอกไม้ดอกนั้นกิน เอามันไปวางบนเตียงของลูกสาว พ่อคิดว่าแม่บ้าไปแล้ว ก็เถียงทัดทาน แต่แม่ก็ยังทำแบบเดิม พอถึงคืนวันที่สาม พ่อคิดว่าดอกไม้นี้ต้องเป็นวัตถุมนต์ดำแน่แท้ เลยรอตกดึกให้แม่หลับสนิท แอบย่องลุกจากเตียง ฉวยขวานหวังจะไปฟันดอกไม้ทิ้ง แต่พอพ่อเปิดประตูเข้าไปดู ปรากฏว่าดอกไม้หายไปแล้ว ในห้องนั้นมีเพียงลูกสาวของเขานอนหลับอุตุอยู่บนเตียง... 
จบ Happy ending 😀

พอโตขึ้นในวันนี้ ผมลองนึกเปรียบเทียบดู นี่มันอาจจะเปรียบเปรยถึงการค้ามนุษย์และสังคมสุดดาร์กนี่หว่า มันมีแต่เรื่องราวดอกไม้แสงแดดและจบแบบ Happy ending ก็จริง แต่ความหมายในแต่ละจุดนี่สะท้อนความจริงชวนหดหู่อยู่ไม่น้อย
  • ราชายักษ์และบ้านกลางป่า คืออะไร ถ้าไม่ใช่นายหน้าหรือโลกทุนนิยมที่ไปล่อลวงเด็กๆ ด้วยขนมและเตียงอันนุ่มสบาย กว่าจะรู้ตัว ก็ติดกับดักถูกขังไปแล้ว ต้องทำงานขายตัวใช้หนี้
  • พระอาทิตย์และแสงแดด คือ เหล่าคนที่ประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงแล้ว ได้เป็นดาราไอดอล เพราะทางที่จะหลุดรอดจากซ่องหรือสภาพโรงงานนรกในตอนแรกที่หลงเข้ามาในเส้นทางนี้ ก็มีแค่ต้องประกายแสงงดงามเจิดจ้าในตัวเองแข่งกับผู้ร่วมชะตากรรม แต่สุดท้ายมันก็กลายเป็นติดกับดักอีกแบบแทน แม้จะสบาย สวยงามและมีอิสรภาพมากขึ้น มันก็คุกอยู่ดี
  • ดอกไม้ต้นไม้ ก็คือ สังคมผู้หวังดี หวังดีแบบโง่ๆ ที่ทำร้ายคนมานักต่อนัก
  • สุดท้ายตอนจบ พ่อยังเกือบจะฆ่าลูกสาวตัวเองด้วยความไม่รู้ด้วยซ้ำถ้าลูกไม่ได้กลับมาเป็นคนซะก่อน

No comments:

Post a Comment